My Friends

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อินเทอร์เน็ต




อินเทอร์เน็ต (อังกฤษ: Internet) หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ที่มีการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลายๆ เครือข่ายทั่วโลก โดยใช้ภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โพรโทคอล (Protocol) ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ในหลายๆ ทาง อาทิเช่น อีเมล เว็บบอร์ด และสามารถสืบค้นข้อมูลและข่าวสารต่างๆ

ที่มา
อินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) จากการเกิดเครือข่าย ARPANET (Advanced Research Projects Agency NETwork) ซึ่งเป็นเครือข่ายสำนักงานโครงการวิจัยชั้นสูงของกระทรวงกลาโหม ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีวัตถุประสงค์หลักของการสร้างเครือข่ายคือ เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมต่อ และมีปฏิสัมพันธ์กันได้ เครือข่าย ARPANET ถือเป็นเครือข่ายเริ่มแรก ซึ่งต่อมาได้ถูกพัฒนาให้เป็นเครือข่าย อินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน


จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก

สัดส่วนการผู้ใช้อินเทอร์เน็ตแยกตามทวีป, ที่มา: http://www.internetworldstats.com/stats.htmปัจจุบัน จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกโดยประมาณ 1.733 พันล้านคน หรือ 25.6 % ของประชากรทั่วโลก (ข้อมูล ณ เดือน กันยายน 2552) โดยเมื่อเปรียบเทียบในทวีปต่างๆ พบว่าทวีปที่มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุดคือ เอเชีย โดยคิดเป็น 42.6 % ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมด และประเทศที่มีประชากรผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุดคือประเทศจีน คิดเป็นจำนวน 360 ล้านคน

หากเปรียบเทียบจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกับจำนวนประชากรรวม พบว่าทวีปอเมริกาเหนือมีสัดส่วนผู้ใช้ต่อประชากรสูงที่สุดคือ 74.2 % รองลงมาได้แก่ ทวีปออสเตรเลีย 60.4 % และ ทวีปยุโรป คิดเป็น 52.0 % ตามลำดับ




จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย
จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงดังนี้ ปี 2534 (30คน) ปี 2535 (200 คน) ปี 2536 (8,000 คน) ปี 2537 (23,000 คน) ... ข้อมูลล่าสุดของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2551 จากจำนวนประชากรอายุ 6 ปีขึ้นไปประมาณ 59.97 ล้านคน พบว่า มีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ 16.99 ล้านคน คิดเป็น ร้อยละ 28.2 และมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 10.96 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 18.2 [2]

[แก้] อินเทอร์เน็ตแบนด์วิท (INTERNET BANDWIDTH)
ปัจจุบัน (มกราคม 2553) ประเทศไทยมี Internet Bandwidth ในประเทศ 110 Gbps และ International Internet Bandwidth 110 Gbps



6 ภัยร้ายจากอินเทอร์เน็ต




“ภัยใกล้ตัว” ที่คนใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำหรือพ่อแม่ ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานใช้อินเทอร์เน็ต ควรที่จะรู้ถึงภัยอันตรายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้อินเทอร์เน็ตไว้ เพื่อจะได้ระมัดระวังตัวและคอยตักเตือนบุตรหลานไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดีซึ่งใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือหากิน
ศูนย์ข้อมูลข้อสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการรวบรวม “ภัยใกล้ตัว” ที่เกิดจากอินเทอร์เน็ตและสร้างความเสียหายต่อคนในสังคมโดยเฉพาะเด็กๆ ที่ยังขาดวิจารณญาณในการตัดสินใจไว้หลายประเภท
ประเภทแรก ที่มีการร้องเรียนมากที่สุดคือการถูกหลอกลวง เพราะมิจฉาชีพส่วนใหญ่จะเข้าใจและรู้ว่าคนส่วนมากต้องการได้ของ ”ถูกและของดี” ซึ่งปัญหาที่พบมากที่สุดคือการหลอกซื้อโทรศัพท์มือถือ ยาลดความอ้วน
ประเภทที่สอง เสนอการทำงานนอกเวลาโดยใช้เว็บบอร์ดส่งข้อความง่ายๆ แต่สามารถกระตุ้น “ความอยาก” ได้ไม่ยาก เช่น มีงานนอกเวลารายได้ดี แต่เมื่อมีการติดต่อไปส่วนใหญ่จะกลายเป็นทำธุรกิจแบบ “แชร์ลูกโซ่ “ คือจะต้องหาสมาชิกเพิ่มตามจำนวนที่กำหนดจึงจะได้เงินตามประกาศ บางรายอาจเสียทั้งเงินและเวลา
ประเภทที่สาม การหลอกขายอุปกรณ์ ยา ซึ่งกรณีนี้มีข่าวในช่วงปีใหม่ว่ามียาสลบ ยานอนหลับ ยาปลุกเซ็กซ์ ขายพร้อมแนะนำวิธีการใช้ เช่น แบบเม็ด ทานได้เลยหรือนำไปบดให้ละเอียดแล้วใส่แก้วผสมเครื่องดื่มอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่น้ำเปล่าถ้าจะให้ได้ผลเร็วขึ้น จะทำให้หลับหรือหมดสติประมาณ 3 – 5 ชม. ครับ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่มีรสชาติ ขายราคาเม็ดละ 600 บาท รับประกันคุณภาพ 100% เหลือแค่ 5 เม็ดสุดท้าย ใกล้ปีใหม่ขายดีครับ ดูตัวอย่างได้ตามรูปที่ให้เอาไว้ครับ แบบน้ำ แบบนี้เวลาใช้งานจะสะดวกกว่าแบบเม็ดครับเพราะไม่ต้องบด ไม่มีกลิ่นและรสชาติ ทำให้หลับได้นาน 6 - 10 ชม. 1 หลอดใช้ได้ประมาณ 3 – 5 ครั้ง ราคา 3,500 บาท เหลือ 2 หลอดสุดท้ายครับไม่ต้องจ่ายเงินก่อน หรือถ้าใน กทม. นัดเจอรับของกันได้เลยแต่ต้องคุยกันก่อนนะ ให้เบอร์ไว้ด้วยก็ดี จะติดต่อกลับโดยเร็วครับ
“กลุ่มนี้จะมีวิธีการสั่งซื้อทางอีเมลล์หรือสั่งซื้อผ่านโทรศัพท์ โดยจะบอกขั้นตอนต่างๆ ไว้เรียบร้อยบางรายหลงเชื่อโอนเงินเรียบร้อยแต่ไม่ได้รับของ บางคนได้รับของแต่ไม่ใช่ชนิดที่โฆษณา”
ประเภทที่สี่ คนขายโทรศัพท์ โกงผู้ซื้อ โดยมีการเสนอขายโทรศัพท์มือถือราคาถูก ซึ่งอาจอ้างว่าประมูลได้จากกรมศุลกากร ในเว็บบอร์ด ของเว็บไซต์ชั้นนำต่างๆ ลูกค้ามักหลงเชื่อ เพราะมีเบอร์โทรติดต่อได้ และมีเลขบัญชีธนาคาร หากใครสนใจโทรคุยกัน แล้วส่งเงินเข้าบัญชีก่อน 25 – 30% หลังจากนั้นเชิดเงินหนี เมื่อมีการแจ้งความปรากฏว่าหมายเลขโทรศัพท์ที่คนร้ายใช้เป็นแบบเติมเงินซึ่งไม่ต้องระบุชื่อบุคคล ส่วนบัญชีธนาคารจะแอบนำสำเนาบัตรประชาชนของคนอื่นเปิดบัญชี ซึ่งคดีในลักษณะนี้มีเป็นจำนวนมาก
ปัญหาประเภทที่ห้า คือการละเมิดลิขสิทธิ์ มีการ Copy เว็บไซต์ผู้อื่นทั้งเว็บเปลี่ยนแต่เพียงชื่อเว็บและหมายเลขโทรศัพท์ นอกจากนั้นยังเขียนในเว็บบอร์ด ว่าตัวเองถูก Copy ต่างฝ่ายต่างใช้เวทีนี้เขียนว่ากันบางครั้งเลยเถิดไปกระทบถึงการดำรงชีวิตทำให้ต้องเสียชื่อเสียง
ประเภทที่หก หลอกให้คนเล่นเน็ตใช้ชั่วโมงของตัวเองแล้วเข้าแจ้งความ เมื่อมีการติดตามก็ได้รายชื่อที่ได้ไปกรรโชกทรัพย์ของพ่อแม่เด็กต่อ
“พวกนี้ใช้ผมเป็นเครื่องมือ ด้วยการมาแจ้งความกับผมว่า ได้ซื้อบัญชีชั่วโมงการใช้อินเทอร์เน็ตมา 10,000 บาท แต่ได้ถูกคนอื่นเอาไปใช้จนหมด ผมตรวจสอบพบว่ามีคนเขียนรหัสลับและเลขประจำผู้ใช้ไปเขียนไว้ในเว็บบอร์ดว่ามีชั่วโมงอินเตอร์เน็ตใช้ฟรี เด็กๆ ที่หลงเชื่อก็ใช้กันเพลิน ซึ่งคนที่ใช้ชั่วโมงฟรีมีถึง 20 ราย และผมสอบถามกับเด็กๆ ปรากฏว่าคนที่มาแจ้งความกับผมเอาข้อมูลที่ผมสืบมานั้นไปสืบดูฐานะทางบ้าน ถ้าบ้านไหนฐานะดีก็จะใช้วิธีทั้งปลอบทั้งขู่เรียกเงินจากพ่อแม่ซึ่งพ่อแม่เด็กเห็นว่าลูกตัวเองไปแอบใช้ของเขาจริงๆ ก็ยอมจ่ายเงินเพื่อแลกกับอนาคตของลูก ผมมารู้ทีหลังว่าเจ้าทุกข์ที่แอบใช้ผมเป็นเครื่องมือนี้ได้เงินไปกว่า 50,000 บาท ทุกวันนี้ผมยังเจ็บใจไม่หายเลย”

แหล่งข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์คอลัมน์ ปริทรรศน์ ฉบับวันที่ 2–8 กุมภาพันธ์ 2547
เรียบเรียงโดย สมภาร ปะกิ่ง E-mail: parn@fpmconsultana.com



อ้างอิง
1.^ http://www.manager.co.th/Telecom/ViewNews.aspx?NewsID=9500000067518
2.^ สำนักงานสถิติแห่งชาติ/ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
3.^ [1] ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น